แคตตาล็อกออนไลน์นั้นสามารถเข้ากับธุรกิจได้หลายรูปแบบ โดยเฉพาะธุรกิจประเภท SME หรือเจ้าของกิจการทั่วไปที่ต้องการทำร้านค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์ หรือมีหน้าร้านอยู่แล้วแต่ต้องการโฆษณาหรือเพิ่มบริการสั่งซื้อออนไลน์ก็ได้เช่นกัน ซึ่งสามารถทำได้ในอุตสาหกรรมหลายประเภท
ตัวอย่างกลุ่มธุรกิจที่ควรทำแคตตาล็อกออนไลน์มากที่สุด คือ ธุรกิจที่ทำกิจการการค้า ซึ่งเป็นธุรกิจแบบเน้นการขายเพียงอย่างเดียว อันจะมีสินค้าอยู่หลากหลายแบบ ปริมาณมาก ยกตัวอย่างเช่น เจ้าของร้านขายส่งเสื้อผ้าที่มีแบบเสื้อจำนวนมากเป็นร้อยแบบ ยากต่อการจัดหมวดหมู่หรือแยกแบบสินค้าออกจากกัน บางแบบที่มีลักษณะคล้ายกันก็จะทำให้เกิดความสับสน การนำสินค้ามาจัดเรียงไว้ในแคตตาล็อกออนไลน์ สำหรับลูกค้าที่ต้องการซื้อในราคาส่งซึ่งมักจะซื้อจำนวนเยอะมาก ๆ ก็สามารถเลือกแบบที่มีอยู่ทั้งหมดในร้านได้อย่างง่าย ๆ สำหรับร้านค้าก็สามารถกำหนดรหัสสินค้าเข้าไปด้วยเพื่อป้องกันความผิดพลาดในการแพ็คส่งสินค้า
ธุรกิจอีกประเภทที่นิยมทำแคตตาล็อกออนไลน์อย่าง ธุรกิจร้านอาหาร บางร้านมีที่รายการอาหารหลากหลาย ยกตัวอย่างเช่น ร้านบุฟเฟ่ต์ที่มีเมนูจานเดียว (A La Carte) มักจะนำเมนูทั้งหมดมาจัดหมวดในแคตตาล็อก ลูกค้าก็จะสามารถเลือกดูได้ก่อนที่จะไปอุดหนุนว่ามีเมนูที่ชอบหรือไม่ เมนูไหนรวมอยู่ในบุฟเฟ่ต์ หรือเมนูไหนต้องจ่ายแยกอีกทีหนึ่ง เป็นต้น
จะเห็นได้ว่าการสร้างแคตตาล็อกออนไลน์นั้นสามารถเอื้อประโยชน์ให้กับทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าจะธุรกิจแบบ B2B หรือ B2C กลุ่มธุรกิจต่าง ๆ สามารถนำแคตตาล็อกออนไลน์มาปรับใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย เพื่อเป็นการนำเสนอสินค้าหรือบริการที่มีอยู่ของตนเอง เพื่อให้ลูกค้าเกิดกระบวนการตัดสินใจซื้อได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น เพราะลูกค้าสามารถมองเห็นภาพรวมของธุรกิจและสิ่งที่ธุรกิจมีภายในแคตตาล็อกหนึ่งเล่ม โดยไม่ต้องทำการติดต่อสอบถามให้เสียเวลา เป็นอีกช่องทางที่จะช่วยให้ธุรกิจเติบโตและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายมากขึ้น