อยากทำธุรกิจ แต่ไม่รู้ว่าขายของออนไลน์ เริ่มยังไง ถึงจะไม่สะดุด!

เดี๋ยวนี้ใคร ๆ ก็หันมาขายของออนไลน์กันเป็นว่าเล่น แต่ไม่ได้แปลว่าการเริ่มทำธุรกิจบนโลกออนไลน์จะง่ายเหมือนปอกกล้วยนะคะ เพราะการเริ่มขายของออนไลน์ต้องการฐานการบริหารงานที่ดี เพื่อให้มีรากฐานการดำเนินการส่วนต่าง ๆ อย่างมั่นคง มีการเตรียมตัวรับมือกับความเสี่ยงที่อาจเพิ่มขึ้นในอนาคต วันนี้ GAPPbiz จึงอยากพาพ่อค้าแม่ค้ามือใหม่ที่อยากจะรู้ว่าขายของออนไลน์ เริ่มยังไง? มีเทคนิคอะไรที่ต้องรู้บ้าง? ให้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์มือใหม่ เริ่มต้นขายของออนไลน์ได้อย่างราบรื่น!

โลกอินเทอร์เน็ต ทำให้การทำธุรกิจออนไลน์ค่อนข้างง่าย ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก แต่ในความเป็นจริง การขายของออนไลน์ไม่ใช่แค่การเข้ามาในตลาดและขาย ขาย และขายอย่างเดียวเท่านั้น! ขั้นตอนที่ GAPPbiz นำมาฝากวันนี้อาจจะไม่ต้องปฏิบัติตามทุกข้อก็ได้ แต่มันจะช่วยให้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์มือใหม่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ!

1. เลือกสินค้า จากความชอบ

ไม่ว่าใครก็ต้องมีความชอบส่วนตัวกันอยู่แล้วใช่มั้ยคะ จะเป็นของกิน ของเล่น เครื่องสำอาง หรือเสื้อผ้า พ่อค้าแม่ค้าควรเริ่มสำรวจความชอบของตัวเองก่อนว่ามีอะไรบ้าง แล้วลองลิสต์เป็นข้อ ๆ เอาไว้ ชั่งน้ำหนักดูว่าตัวไหนโอเคที่สุด หรือถ้าไม่ได้ชอบอะไรเป็นพิเศษ ก็อาจจะลองดูกระแสตลาดว่าลูกค้าต้องการอะไร ทำกำไรได้มากน้อยแค่ไหน ต้องสต๊อกสินค้าหรือเปล่า ทั้งนี้ ถ้าเลือกได้แล้วก็ต้องมีสินค้าสำรอง เผื่อว่าตัวเลือกแรกที่เราจะขายไม่สามารถทำยอดได้ตามเป้า เอามาขายแทนสินค้าตัวเก่า หรือจะขายร่วมกันตั้งแต่แรกไปเลยเพื่อเปรียบเทียบก็ได้เช่นกัน!

2. วางแผนธุรกิจ ลดความเสี่ยง 

การลงทุนทุกอย่างย่อมมีความเสี่ยงแน่นอนค่ะ แต่จะเสี่ยงมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับการวางแผนของเรา พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์มือใหม่จะต้องศึกษากลยุทธ์ในการทำธุรกิจ เป้าหมายในการขาย ต้องยอดเท่าไหร่ต่อเดือน  เงินลงทุนในส่วนต่าง ๆ ที่ไม่ใช่แค่ค่าสินค้า เส้นทางการเติบโตของร้าน พยายามมองหาจุดอ่อนจุดแข็ง และวิธีรับมือกับความล้มเหลวที่อาจเกิดขึ้นได้ แผนเหล่านี้จะช่วยให้เรารับมือกับปัญหาต่าง ๆ ได้ดี นอกจากนี้ ยังต้องทำการศึกษารายละเอียดทางกฎหมาย เช่น ต้องจดทะเบียนการค้าอย่างไร ต้องจ่ายภาษีเท่าไหร่ ต้องทำสัญญากับซัพพลายเออร์อย่างไร เป็นต้น เพื่อที่จะได้ไม่ถูกเอาเปรียบได้ง่าย ๆ ค่ะ

3. ชื่อร้าน จำง่าย มีชัยไปกว่าครึ่ง

ความสร้างสรรค์ก็เป็นหนึ่งในตัวช่วยที่ทำให้ร้านดูโดดเด่น แต่บางครั้ง การตั้งชื่อร้านที่แทบไม่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือประเภทสินค้าเลยก็ทำให้ติดตลาดได้ยากเหมือนกันค่ะ สำหรับพ่อค้าแม่ค้ามือใหม่ที่ยังคิดชื่อไม่ออก พึ่งเริ่มขายของออนไลน์ อาจจะตั้งชื่อจากสินค้าของเรา หรือใช้ชื่อประเภทของสินค้ามาใส่ในชื่อร้านก็ได้ แต่ถ้าอยากทำเป็นชื่อแบรนด์ส่วนตัวไปเลย อาจจะพึ่งฟีเจอร์เพื่อการค้นหาคีย์เวิร์ดต่าง ๆ บนแพลตฟอร์มที่เลือกใช้ ตัวอย่างเช่น การตั้ง Bio บน Instagram เพื่อให้ลูกค้าค้นหาร้านของเราได้ง่ายขึ้นค่ะ

4. จัดการสินค้าให้เป็นระเบียบ 

ในช่วงเริ่มขายของออนไลน์ การจัดสต๊อกสินค้าเป็นเรื่องที่หลายคนมองข้ามมากเลยค่ะ เพราะคิดว่าของก็มีแค่นี้ ไม่ต้องจัดหรอกหรือจำได้แล้วว่ามีเท่าไหร่ สั่ง ๆ สินค้าเข้ามาเพิ่มโดยที่ไม่รู้จะขายได้เยอะหรือเปล่า รู้ตัวอีกทีก็มี Dead stock เต็มไปหมด เพราะสินค้าหลายอย่างมักจะมีกระแสความนิยมของมันค่ะ การที่เราไม่ได้จัดการสินค้า ทวนจำนวน แยกหมวดหมู่ อาจจะทำให้เกิดความสับสน ยิ่งถ้าเป็นสินค้าประเภทเน่าเสียหรือหมดอายุได้ ยิ่งต้องดูแลจัดการเป็นพิเศษ ห้ามมองข้ามการจัดสต๊อกสินค้าโดยเด็ดขาดนะคะ

GAPPbiz ผู้ช่วยอัจฉริยะในการจัดการระบบหลังบ้านแบบง่าย ๆ แค่ปลายนิ้ว!

  • อัปเดตเส้นทางออเดอร์ของคุณตั้งแต่สั่งสินค้าจนถึงมือลูกค้า
  • ดูแลสต๊อกสินค้าอย่างเป็นระบบ รวดเร็ว แม่นยำ
  • ขายสินค้าหลายช่องทางด้วยการเชื่อมต่อร้านค้าที่หลากหลาย
  • ระบบ Affiliate เปิดรับตัวแทนหรือฝากขายก็ได้
  • รวบรวมสถิติรายวัน เดือน ปี เพื่อสนับสนุนเป้าหมายของร้านค้า

5. เลือกช่องทางการขาย ให้เหมาะกับลูกค้า 

ในโซเชียลเน็ตเวิร์ก มีแพลตฟอร์มขายสินค้าที่หลากหลายมากมายให้เลือกค่ะ แต่เราควรจะรู้ก่อนว่าสินค้าของเราเหมาะกับการขายบนแพลตฟอร์มไหน ขายยังไง เน้นการโพสต์ภาพหรือไลฟ์สด เพราะแต่ละช่องทางก็จะมีผู้ใช้งานหลากหลายกลุ่ม บางแพลตฟอร์มจะมีอัตราการใช้งานของผู้ใช้ที่มีอายุในช่วงวัยรุ่น วัยทำงานใช้งานน้อย ยกตัวอย่างเช่น การขายของใน Twitter ก็จะมีการขายแบบเรียบง่าย ไม่ขายตรงจนเกินไป เน้นแนะนำหรือสาธิตการใช้งานจริง โดดเด่นกันที่ผลลัพธ์ของการใช้สินค้า เราก็ต้องทำการขายแนวเดียวกัน เพื่อดึงความสนใจของลูกค้าใน Twitter นั่นเอง

6. จัดการเวลาให้ดี ไวกว่า ก็ขายได้เร็วกว่า

เป็นส่วนที่จะทำให้เราได้เปรียบมากที่สุดค่ะ สำหรับคนที่เป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ จะต้องเผชิญกับคู่แข่งจำนวนมากที่ขายสินค้าคล้าย ๆ กัน ความรวดเร็วของเวลาในการบริการลูกค้าจึงเป็นส่วนที่จะช่วยให้เราเข้าถึงลูกค้าและปิดการขายได้เร็วกว่าเจ้าอื่น ลูกค้าหลายรายที่เข้ามาสอบถามเกี่ยวกับสินค้ามักจะมีความอยากสั่งซื้ออยู่แล้วในระดับหนึ่ง ถ้าเราตอบได้เร็วเท่าไหร่ ก็จะเพิ่มโอกาสในการขายได้มากเท่านั้นค่ะ

7. ช่องทางชำระเงิน รับจบ ปิดการขายไว

ขายของออนไลน์ เริ่มยังไง? ก็ต้องเริ่มพร้อมกับการกำหนดช่องทางชำระเงินออนไลน์ ซึ่งก็หมายถึงการโอนเงินนั่นเองค่ะ ปัจจุบัน การชำเงินออนไลน์มีหลายตัวเลือกมาก ไม่ว่าจะเป็นจากธนาคารโดยตรง แอปพลิเคชั่นซื้อขาย หรือแอปพลิเคชั่นจำพวก Wallet ที่มักจะมีการสะสมแต้มหรือโปรโมชั่นต่าง ๆ ให้ลูกค้าเสมอ ทั้งนี้ทั้งนั้น เราจึงต้องมีช่องทางการชำระเงินที่ครอบคลุม หรือถ้าไม่สะดวกที่จะรับโอนเงิน ก็สามารถเปิดรับชำระเงินแบบเก็บเงินปลายทางได้ แต่วิธีนี้ค่อนข้างที่จะเสี่ยงกว่าช่องทางอื่น เพราะเราต้องสำรองจ่ายให้ลูกค้าไปก่อน บางครั้งอาจจะโดนตีกลับสินค้าและเราก็ต้องเสียค่าขนส่ง ค่าแพคเกจ และค่าเสียหายอื่น ๆ ตามมาด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้น ต้องพิจารณาให้ดีก่อนเลือก ช่องทางไหนดีที่สุด ได้ผลประโยชน์อะไรบ้างในฐานะผู้ใช้ คุ้มค่าหรือไม่กับการใช้งานอย่างสม่ำเสมอ เป็นต้น

8. ขนส่ง ถูกและดี ช่วยลดต้นทุน 

เช่นเดียวกับการเลือกช่องทางการชำระเงินค่ะ พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์จะต้องพึ่งพาบริษัทขนส่งเสมือนครอบครัว เราจึงต้องเลือกขนส่งที่ดีที่สุดเพื่อรับประกันความเสียหายของสินค้า หากบริการของขนส่งไม่ดี ก็จะทำให้ภาพลักษณ์ของเราไม่ดีตามไปด้วย ลูกค้าบางรายอาจตัดสินใจไม่ซื้อสินค้าเพราะไม่ประทับใจขนส่งก็มีค่ะ นอกจากนี้ บริษัทขนส่งหลายเจ้า ก็ออกโปรโมชั่นหรือส่วนลดเพื่อการส่งของออนไลน์ให้เปรียบเทียบกันเยอะมาก ลองดูว่าเจ้าไหนคุ้ม ช่วยลดต้นทุนหรือคืนทุนได้สักหน่อยก็ดีแล้วค่ะ

9. ทำการตลาด ต่อเนื่อง สม่ำเสมอ 

ตั้งแต่โซเชียลมีเดียแตกหน่อแผ่ขยายออกมามากมาย ผู้คนต่างก็ผลิตสื่อกันง่ายมากขึ้น เพราะคนเรานั้นรักความบันเทิงเป็นทุนเดิมอยู่แล้วค่ะ ทำให้โลกนี้ขับเคลื่อนไปด้วย ‘คอนเทนต์’ ที่จะช่วยสื่อสารและนำเสนอธุรกิจของเราไปยังผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว น่าดึงดูด และกระตุ้นความต้องการซื้อ การทำคอนเทนต์หรือการทำการตลาด เป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องห้ามขาดและห้ามเกิน เราจะต้องนำเสนอคอนเทนต์ใหม่ ๆ เพื่อสนับสนุนธุรกิจอย่างสม่ำเสมอ แต่ก็ต้องห้ามทำมากจนเกินไป เพราะอาจจะทำให้ลูกค้าหรือผู้ที่เลื่อนผ่านมาเจอเกิดรำคาญจนไม่อยากซื้อสินค้าเอาได้ แถมถ้าลงคอนเทนต์มากเกินไปก็อาจไปกระตุ้นระบบความปลอดภัยของแพลตฟอร์มต่าง ๆ ให้เข้ามาปิดการมองเห็นของเรา เพราะคิดว่าเราเป็นสแปมได้ด้วย!

10. บริการดี ๆ ไม่มีไม่ได้!

เริ่มขายของออนไลน์จะเน้นแต่การขายให้ได้อย่างเดียวไม่ได้นะคะ เพราะยอดขายที่ดีมาจากการบริการที่เริ่ด! ลองจินตนาการว่าเราต้องการซื้อเครื่องซักผ้า แต่คนขายไม่แจ้งรายละเอียดอะไรเลย แถมพอของมาก็ยังพัง แต่ไม่มีการตอบกลับของคนขายเลยแม้แต่คำเดียว หรืออาจจะโดนบล็อกทิ้ง! มั่นใจว่าต้องหงุดหงิดแน่นอน ดังนั้น การขายจะต้องมาพร้อมกับบริการที่ดี ตั้งแต่การจัดการร้าน การทำคอนเทนต์ การตอบคำถามลูกค้า ไปจนถึงบริการต่าง ๆ หลังการขายสินค้าออกไปแล้ว ลูกค้าจะรู้สึกได้ถึงความใส่ใจของเรา ไม่ทิ้งขว้างลูกค้า ก็จะทำให้อยากซื้อสินค้าจากเราและไว้ใจเรามากขึ้นค่ะ

ทำไมต้อง ขายของออนไลน์ สะดวกทั้งคนขายและคนซื้อจริงไหม?

โลกที่เติบโตพร้อมกับอินเทอร์เน็ต ทุกอย่างเริ่มเคลื่อนเข้ามาอยู่ในโซเชียล ไม่ว่าจะการใช้ชีวิตประจำวัน การติดต่อซื้อขาย หรือการเสพข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ทำให้กระแสสังคมถูกดำเนินไปด้วยกระแสของโลกอินเทอร์เน็ต และกระแสนั้นก็เรียกได้ว่ารวดเร็วปานสายฟ้าแลบ! การขายของหน้าร้านในหลาย ๆ กรณีจึงไม่อาจตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ทันท่วงทีค่ะ ตัวอย่างเช่น ถ้าแอดมินอยากได้กางเกงทำงานสักตัว แต่ก็ต้องทำงานทั้งวัน กว่าจะไปหาซื้อได้ร้านค้าหรือตลาดก็ปิดแล้ว การหาซื้อกางเกงและสั่งของออนไลน์ก็เป็นตัวเลือกที่ง่ายและสะดวกกว่า

ในส่วนของพ่อค้าแม่ค้า ในกรณีเดียวกัน ก็จริงอยู่ที่ตลาดนัดหรือแหล่งขายของมีเยอะแยะถมไป แต่ถ้ามีพ่อค้าแม่ค้าคิดแบบเดียวกันอย่างน้อย 20 คน เราก็จะโดนแย่งที่ไปแล้ว 20 ที่ แถมไปตั้งหน้าร้านก็ไม่แน่ใจว่าจะขายออกหรือเปล่า ยังไม่รวมเรื่องค่าเช่าที่ ค่าเดินทาง ค่าขนของ ค่าน้ำมัน ฯลฯ ที่ต้องเอามาพิจารณาร่วมด้วย การพลิกมาขายของออนไลน์ จึงเป็นตัวเลือกที่ช่วยตัดปัจจัยอื่น ๆ ออกไปได้ จึงเป็นเรื่องที่ไม่แปลกเลยถ้าหลายคนจะมองว่าการขายของออนไลน์สะดวกทั้งคนขายและคนซื้อค่ะ แต่ต้องตระหนักไว้ว่า การมีอยู่ของอินเทอร์เน็ต โลกกลายเป็นโลกไร้พรมแดน ลูกค้าสามารถตรวจสอบข้อมูลของเราได้ตลอด การขายของออนไลน์จึงต้องรู้ลึกและรู้จริงเกี่ยวกับสินค้าของตัวเองค่ะ

ขายของออนไลน์อยู่แล้ว แต่อยากพัฒนา มีเทคนิคอะไรบ้าง?

หากเริ่มขายของออนไลน์มานานแล้ว แต่ยอดขายไม่เพิ่ม อัตราการเติบโตของธุรกิจไม่ค่อยมีความเคลื่อนไหว หรือพ่อค้าแม่ค้าคนที่อ่านมาถึงตรงนี้และรู้กันแล้วว่าขายของออนไลน์ เริ่มยังไง? กำลังจะเริ่ม แต่ไม่อยากอยู่กับที่จนแซงคู่แข่งไม่ทัน GAPPbiz มาแอบบอกเคล็ดลับค่ะ!

1. สำรวจความต้องการของลูกค้าตลอด

ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ ความต้องการของลูกค้าก็เป็นเรื่องที่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ต้องมุ่งมั่นเอาชนะเป้าหมายนี้เสมอค่ะ! แม้ว่าเราจะกำหนดกลุ่มเป้าหมายของเราตั้งแต่แรกเริ่มเอาไว้ แต่กลุ่มลูกค้าก็มีความต้องการที่เปลี่ยนแปลงได้ เราจึงต้องหมั่นสำรวจกระแสความนิยมอยู่ตลอด ตามเทรนด์เริ่ด ๆ เข้าไว้ ไล่ทันคนอื่นแน่นอนค่ะ

2. ใส่ใจคอนเทนต์ของตัวเอง

มักเป็นปัญหาหลังจากที่เริ่มขายสินค้าได้มากขึ้นจนอยู่ตัวแล้ว จะทำให้มีความรู้สึกว่าไม่ทำคอนเทนต์ก็ขายได้อยู่ดี อย่าได้ชะล่าใจเด็ดขาดค่ะ! แอดมินจะย้ำเสมอว่าโลกนี้ขับเคลื่อนด้วยคอนเทนต์ ถ้าเราไม่ทำก็จะมีเจ้าอื่นทำไปก่อน และลูกค้าก็อาจจะถูกกระตุ้นความต้องการซื้อจากคอนเทนต์ของคนอื่น ไปซื้อของคนอื่น! เราจึงต้องคอยทำคอนเทนต์อย่างสม่ำเสมอ กรณีนี้หมายถึงคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ หาไอเดียใหม่ ๆ ถ่ายยังไงให้สวย เขียนโพสต์แบบไหนให้น่าอ่าน หรือนำเสนอยังไงให้เตะตาเป็นต้น



3. ตั้งราคา จัดโปรโมชั่นอย่างสร้างสรรค์

บางคนจะชอบตั้งราคาแบบซ้ำซากจำเจ เน้นขายแบบไม่จัดโปรโมชั่นเอยใด แม้ว่าจะทำได้แต่ไม่ควรทำไปตลอดนะคะ ลูกค้าส่วนใหญ่มักจะมีความต้องการซื้อไม่แน่นอน หากช่วงไหนที่ยอดขายไม่ดี ก็ควรลองจัดโปรโมชั่นต่าง ๆ หรือหั่นราคาลงมาหน่อย หรือจะจัดโปรเฉพาะช่วงก็ได้ ให้ลูกค้ารู้สึกว่าเป็นราคาที่กำลังดี น่าซื้อ คุ้มค่า เป็นการกระตุ้นลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ หากโชคดีก็อาจจะเพิ่มยอดขายเป็นกอบเป็นกำ ผลรวมดีกว่าขายราคาปกติก็ได้นะคะ

4. สังเกตคู่แข่ง ปรับปรุงตัวเอง

แม้จะสอดคล้องกับข้ออื่น ๆ แต่การสังเกตคู่แข่งจริง ๆ หมายถึงความเคลื่อนไหวเกือบทุกอย่างของคู่แข่ง รวมถึงพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์รายอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นคู่แข่งหรือไม่ก็ตาม ตั้งแต่การกระตุ้นลูกค้า การลงคอนเทนต์ การสั่งสต๊อกสินค้า แหล่งที่มา ประเภทสินค้า ไปจนถึงการบริการ หาจุดอ่อนแล้วนำมาปรับปรุงตัวเองให้ดีกว่า ก็จะช่วยให้เราเหนือกว่าคนอื่นไปอีกก้าว

5. ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนขึ้น

มีตัวอย่างให้เห็นเยอะมาก ๆ กับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่ไม่ได้ตั้งเป้าหมายในการทำธุรกิจเอาไว้เลย ซึ่งเป้าหมายของธุรกิจอย่างง่าย ๆ คือยอดขายต่อเดือนหรือต่อปี ถ้ายากกว่านั้นคือทิศทางการเติบโตของธุรกิจ ถ้าตรงนี้ผ่านมาได้ จะทำยังไงต่อ จะสต๊อกแบบอื่นเพิ่มไหม? จะเปิดหน้าร้านดีหรือเปล่า? หรือเปิดรับตัวแทนดี? แม้เป้าหมายเหล่านี้ไม่ได้จำเป็นมากไปกว่าการทำยอด แต่มันก็จะช่วยให้เราเติบโตไปอีกขั้นนะคะ 🙂

6. เปิดใจกับอะไรใหม่ ๆ ไม่จำเจ

ข้อที่สำคัญที่สุดของวันนี้ การเป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์จะต้องเปิดรับไอเดียใหม่ ๆ ในการขายของออนไลน์อยู่เสมอค่ะ เพราะกระแสความเป็นไปบนโลกโซเชียลนั้นรุนแรงและรวดเร็ว เราจะต้องเฟ้นหาวิธีที่จะกระตุ้นความต้องการซื้อของลูกค้าเสมอ อย่าติดอยู่กับอะไรเดิม ๆ เพราะมันจะทำให้เราไม่น่าสนใจอีกต่อไปค่ะ

สรุป

สุดท้ายนี้  พวกเรา GAPPbiz ขอสรุปว่าหากไม่แน่ใจว่าการขายของออนไลน์ เริ่มยังไง? มีสิ่งสำคัญเพียงไม่กี่ข้อ หนึ่งในนั้นคือการวางแผนและจัดการระบบร้านค้าของตัวเองให้ดีค่ะ เมื่อทุกอย่างดำเนินการได้อย่างลื่นไหล การขายของออนไลน์ก็จะไม่มีสะดุดแน่นอน แต่ถ้าไม่รู้ว่าจะต้องจัดการร้านค้ายังไง? จัดสต๊อกสินค้าแบบไหน? ดูแลออเดอร์ลูกค้ายังไง? ให้ GAPPbiz เป็นผู้ช่วยในการดูแลระบบหลังบ้านให้ได้นะคะ 🙂

GAPP พาธุรกิจของคุณเข้าสู่โลกออนไลน์

พร้อมช่วยดูแลในทุกขั้นตอน ให้เราพัฒนาไปด้วยกัน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *