สามเดือนที่ผ่านมา มีสินค้าฮอตฮิตหลายตัวผุดขึ้นมาเยอะมาก ๆ เลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าผ้าใบ New Balance รุ่นดังสายเกา หรือจะเป็นแนวแฟชั่นแบบ Y2K ที่ยังกระแสดีไม่มีตก หรือจะเป็นกระแสหม่าด่าสายพานที่ต้องไปกินกันทั่วบ้านทั่วเมือง ทำให้พ่อค้าแม่ค้ามือใหม่ต้องรีบตามเทรนด์กันแบบไฟลุก! วันนี้ GAPP biz เลยจะมาแนะนำเทรนด์สินค้า 2023 ที่มีแนวโน้มจะขายดี ทั้งแบบออนไลน์และเปิดร้าน มาให้พ่อค้าแม่ค้าที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะขายของออนไลน์อะไรดี? สินค้าอะไรกำลังเป็นกระแส? เปิดร้านขายอะไรดี? เอามาขายหน้าร้านดีไหม? มาดูกัน!
เลือกอ่านตามสารบัญ
แนวโน้มของขายดี ดูเทรนด์สินค้า แต่ละปียังไง?
การตรวจสอบดูว่าเทรนด์สินค้าแต่ละปี มีแนวโน้มยังไงบ้าง มีด้วยกันหลายวิธีมาก ๆ เลยค่ะ เริ่มต้นจากการติดตามช่องทางสื่อสังคมออนไลน์บ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, Twitter โดยจะต้องสังเกตให้ดีว่าเรื่องหรือสินค้าที่ได้รับความนิยมนั้นมีอะไรบ้าง หรือจะเป็นกลุ่มคอมมูนิตี้ต่าง ๆ ในแต่ละแพลตฟอร์มที่จะมีความสนใจเฉพาะด้าน สำหรับคนที่อยากขายสินค้าแบบเฉพาะกลุ่มหน่อย
นอกจากนี้ ยังสามารถใช้เครื่องมือตรวจสอบกระแสความนิยมต่าง ๆ บนโลกอินเทอร์เน็ตอย่าง Google Trends, Ubersuggest เพื่อหาเทรนด์สินค้า 2022 หรือเทรนด์สินค้า 2023 แล้วนำมาประยุกต์ใช้ หรือเว็บขายสินค้าอย่าง Facebook Marketpalce เพื่อค้นหาว่าสินค้าตัวไหนขายดีที่สุดในช่วงนี้ก็ได้เช่นกันค่ะ สิ่งสำคัญคือต้องติดตามความเคลื่อนไหวในโลกโซเชียลให้มาก ๆ รับรองไม่ตกเทรนด์สินค้า 2023 นี้แน่นอน!
รวม 7 เทรนด์สินค้า 2023 ที่มีแนวโน้มขายดีทั้งแบบออนไลน์และเปิดหน้าร้าน!
มาถึงตรงนี้แล้ว ทุกคนคงอยากจะทราบว่าแล้วเทรนด์สินค้า 2023 ตัวไหนที่น่าจะขายดีบ้าง? แต่ก่อนอื่น GAPP biz อยากจะแนะนำว่า เทรนด์สินค้า 2023 แต่ละตัวอาจจะมีรายละเอียดยิบย่อยที่แตกต่างกันไป ทั้งประเภทสินค้า ยี่ห้อ ภาพลักษณ์ ดังนั้น ก่อนจะตัดสินใจก็ต้องศึกษาให้ดีก่อนว่าสินค้าแต่ละแบบมีเงื่อนไขอะไรที่คำนึงบ้างด้วยนะคะ!
1. เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย ของมันต้องมี!
ไม่ว่าจะช่วงไหนของปี เสื้อผ้าก็เป็นสินค้ายอดนิยมติดลมบนอย่างต่อเนื่อง และต้องเป็นเทรนด์สินค้า 2023 ฟันธงเลยค่ะ! เพราะนอกจากเสื้อผ้าจะเป็นปัจจัย 4 ของคนเราแล้ว ยังมีเรื่องของแฟชั่นแบบต่าง ๆ ที่ทยอยสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด อย่างเทรนด์สินค้า 2023 ประเภทเสื้อผ้าในไตรมาสนี้ จะต้องเป็นแนว Y2K หรือ Streetwear ซึ่งได้รับความนิยมในช่วงปีค.ศ. 2000 หรือถ้าเจาะลึกลงไปหน่อย ก็จะเป็นเสื้อจำพวกเสื้อเอวลอย กางเกงเอวต่ำ เสื้อโอเวอร์ไซต์ กางเกงยีนส์ หรือจะเสื้อลายดอกแบบ Floral Print กลายร่างเป็นนางฟ้านางใจ บอกเลยว่าปังเว่อ! ขายได้ทั้งออนไลน์และเปิดหน้าร้าน ขอแค่มีสไตล์ก็เพียงพอ!
2. เครื่องสำอาง สกินแคร์บำรุงผิว
ใคร ๆ ก็หันมาสนใจการดูแลผิวกันแล้วค่ะ เพราะฉะนั้น เทรนด์สินค้า 2023 นี้ จะต้องมีสกินแคร์หรือเครื่องสำอางอยู่ในลิสต์แน่นอน! ตั้งแต่ตัวเบสของการดูแลผิวอย่างมอยซ์เจอไรเซอร์ กันแดด คลีนซิ่ง หรือจะเป็นเครื่องสำอางอย่างลิปสติก บลัช รองพื้น คุชชั่น ขนมาให้หมดค่ะ ในกรณีที่ทำแบรนด์ของตัวเอง สิ่งสำคัญคือต้องขายของให้เป็น น่าเชื่อถือ มีที่มาที่ไป ทำไมถึงได้ผลลัพธ์ดี เจ๋งกว่าแบรนด์อื่นยังไง? แต่ถ้าไม่อยากคิดมาก ก็อาจจะผันตัวมาขายเครื่องสำอางหรือสกินแคร์แบรนด์ใหญ่ ๆ อาจจะสต๊อกสินค้าหรือนำเข้าเป็นพรีออเดอร์ก็ได้ ซึ่งอย่างหลังจะขายได้ค่อนข้างง่ายกว่า เพราะแบรนด์ใหญ่ ๆ มีความน่าเชื่อถืออยู่แล้ว หากจะเปิดหน้าร้านขายสกินแคร์หรือเครื่องสำอางก็ย่อมได้เช่นกัน และจะยิ่งดีมาก ๆ เลยค่ะ เพราะลูกค้าจะได้เห็นว่าสินค้าจริงเป็นแบบไหน เช่น สีเข้ากับผิวหรือเปล่า? เนื้อครีมเป็นยังไง? เป็นต้น
3. ของ DIY สินค้าเบ็ดเตล็ด
หลายคนคงจะงงใช่มั้ยคะว่าสินค้า DIY หรือสินค้าเบ็ดเตล็ดจะขายยังไง? จริง ๆ แล้วเป็นประเภทสินค้าที่ขายออกเยอะเป็นอันดับต้น ๆ เลยค่ะ เพราะในช่วงนี้ เยาวรุ่นทั้งหลายกำลังฮิตการไปทำ Workshop เรียนประดิษฐ์ประดอยของเล่นของใช้หรือของสะสมกันจำนวนมาก แถมแต่ละร้านก็ยังมีมุมให้ถ่ายรูปเล่น ทำให้ดูเป็นสาววุ่นวายหรือหนุ่มติสท์ รับบทคนไม่ว่างเพราะชอบหาอะไรทำตลอด จะตั้งบูท เปิดร้าน หรือขายของ DIY ของเบ็ดเตล็ดพวกข้าวของเครื่องใช้อำนวยความสะดวกออนไลน์ ก็ต้องมีคนซื้ออย่างแน่นอนค่ะ
4. อุปกรณ์ไอที โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต
หมวดเทรนด์สินค้า 2023 หมวดนี้มาแรงแซงทางโค้งสุด ๆ เลยค่ะ! เพราะเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามากขึ้น คนที่อยากมีอยากลองใช้ก็ต้องมากขึ้น ทำให้นวัตกรรมใหม่ ๆ ถูกผลิตออกมาเพื่อตอบโต้ผู้ใช้อย่างเรา ๆ กันมากมาย โดยแข่งกันที่ความล้ำและฟีเจอร์ที่หลากหลาย (ยกตัวอย่างสินค้าจำพวกมือถือ ไลน์สินค้าเยอะไม่ไหว!) ยิ่งเจ๋งมากเท่าไหร่ก็ยิ่งน่าสนใจ จะเปิดขายหน้าร้านหรือขายออนไลน์ก็ขายได้ชัวร์! สินค้าไอทีก็มีตั้งแต่หูฟัง แบตเตอรี่สำรอง แว่นสามมิติ คอมพิวเตอร์ หรือนาฬิกาสมาร์ทวอช ต้นทุนอาจจะสูงหน่อย แต่ถ้าสินค้าเจ๋งจริงก็ขายได้
5. ของกิน อาหารแช่แข็ง ขนมทานเล่น
ตั้งแต่บราวนี่ ขนมปังกระเทียม คุกกี้สุขภาพ หรือผักอบกรอบ ก็เป็นเทรนด์สินค้า 2023 ทั้งนั้นเลยค่ะ เพราะคนไทยกับของกินเป็นสิ่งที่ขาดกันไม่ได้! ถ้าบอกว่าร้านไหนอร่อยเป็นต้องไปลองซื้อลองกิน หรือจะเป็นอาหารแช่แข็งสูตรลับของตัวเองก็ย่อมได้ เพราะปัจจุบันนวัตกรรมการขนส่งมีแบบควบคุมอุณหภูมิได้แล้ว เพียงแค่มีบริการขนส่งเอาไว้ ต่อให้ซื้อยากแค่ไหน คนที่อยากกินก็จะสั่งให้ได้แน่นอนค่ะ แต่อาหารการกินบ้านเรานั้นมีหลากหลายมาก ๆ อันหมายความว่าคู่แข่งล้นหลามสุด ๆ เพราะฉะนั้น ต้องประเมินทางเลือกให้ดี ขายเมนูที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจะดีที่สุดค่ะ และต้องคำนึงถึงปัจจัยที่ควบคุมยากอย่างคุณภาพหรือต้นทุนของวัตถุดิบด้วย จะได้ไม่จมทุนในภายหลังนะคะ
6. วัตถุดิบสำหรับอาหารคาวหวานต่างๆ
เริ่ดที่สุด มาแรงที่สุด ในเทรนด์สินค้า 2023 หมวดวัตถุดิบเครื่องปรุงต่าง ๆ จะต้องมีหม่าล่าอย่างแน่นอนค่ะ! เพราะไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็มีแต่ร้านหม่าล่าเปิดใหม่เต็มไปหมด หลายคนอาจจะรู้สึกว่าแค่เปิดหน้าร้านก็พอแล้ว แต่บางครั้ง คนที่อยู่ไกลจากร้านเราก็อาจจะอยากทานแต่มาไม่ได้ ก็ลองพัฒนาสินค้าเป็นชุดทำหม่าล่า หรืออาจจะเป็นก้อนซุปสูตรพิเศษ ถึงเครื่องถึงใจ ให้คนบ้านไกลได้ทานหม่าล่าของเราจากที่บ้านก็ได้ ในกรณีอื่น ๆ เช่น วัตถุดิบทำขนมปัง หรือเครื่องปรุงหายาก เครื่องปรุงนำเข้า ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจมาก ๆ เช่นกัน สินค้าบางอย่าง เช่น ขนมล่าเถียว ไส้กรอกเลือด ต๊อกบกกี หรือมันหนึบญี่ปุ่น หากไปดูยอดขายในแอปพลิเคชั่นขายสินค้า จะเห็นว่ายอดหลักพันถึงหมื่นชิ้นเลย!
7. เครื่องประดับ ของกิ๊ฟช็อป
เครื่องประดับยังเป็นสินค้าฮอตปรอทแตกทุกปีจริง ๆ ค่ะ แต่ในเทรนด์สินค้า 2023 สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็ต้องเป็นเครื่องประดับลูกปัดหรือหินมงคลอย่างแน่นอน เพราะกระแสสายมูเตลูยังคงแพร่หลายมาก ๆ การออกแบบสินค้าให้เข้ากับความนิยมในช่วงนี้ ก็มีแนวโน้มว่าต้องขายได้ไม่มากก็น้อยค่ะ ยิ่งถ้าไปเปิดร้านหรือเปิดบูทตามห้าง และขายในราคาที่สมเหตุสมผล ดูมีความเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร มีเหรอวัยรุ่น วัยทำงาน หรือแม้แต่วัยนักเรียนจะไม่อยากลองเข้ามาดูชมกันบ้าง ของจุ๊บจิ๊บแบบนี้มันต้องมีนะคะ
ขายของออนไลน์ vs เปิดร้านขายของ แบบไหนดีกว่า
ในยุคนี้ การขนส่งสินค้าและการติดต่อสื่อสารมาไกลมาก ๆ แล้วค่ะ จากเมื่อก่อนกว่าเราจะสั่งของออนไลน์มาส่งที่บ้านได้ก็ต้องใช้เวลานาน แถมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสินค้าเราอยู่ที่ไหน มาในสภาพไหน คนก็นิยมไปซื้อหน้าร้านกันมากกว่า แต่หลังจากที่โลกประสบปัญหาโควิด-19 ทำให้ความต้องการซื้อสินค้าผ่านอินเทอร์เน็ตสูงมากขึ้น การสั่งของออนไลน์จึงเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แม้จะผ่านวิกฤตนั้นมาได้ ผู้คนก็ยังคงนิยมซื้อสินค้าที่หน้าร้านอยู่ด้วย ซึ่งมีสาเหตุมาจากปัจจัยหลายอย่างค่ะ
เปรียบเทียบ ขายของออนไลน์ VS เปิดร้านขายของ อันไหนดีกว่ากัน!
ปัจจัย |
ขายของออนไลน์ |
เปิดหน้าร้านขายของ |
ค่าใช้จ่าย |
|
|
ความแน่นอน |
โอกาสขายได้น้อยกว่า เพราะลูกค้ามีตัวเลือกเยอะ ภายใต้เงื่อนไขเดียวกัน |
โอกาสขายได้แน่นอนกว่า เพราะลูกค้าได้เห็นสินค้าจริง ตัดสินใจได้ง่าย |
คู่แข่งในตลาด |
คู่แข่งจำนวนมากนับไม่ถ้วน เพราะเป็นสินค้าออนไลน์ มีการยิงโฆษณาและทำคอนเทนต์แข่งกันตลอดเวลา |
คู่แข่งมีแค่เฉพาะพื้นที่ที่ไปตั้งร้านขายเท่านั้น ลูกค้ามีตัวเลือกเปรียบเทียบไม่มาก ตัดสินใจซื้อได้เร็ว |
การเข้าถึงลูกค้า |
มีกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย แต่โอกาสเข้าถึงปริมาณน้อย เพราะกว่าจะเข้าถึงได้ก็ต้องสร้างความน่าเชื่อถือและตัวตนอย่างชัดเจน รวมถึงคู่แข่งจำนวนมากที่พร้อมประชันกันในทุกโอกาส |
เข้าถึงลูกค้าได้เกือบ 100% หากเลือกทำเลที่ดีพอ ไม่ว่ายังไงก็สามารถมองเห็นร้านของเราได้แน่นอน สินค้าสามารถจับต้องได้ กระตุ้นความต้องการซื้อ |
อย่างไรก็ตาม พวกเราชาว GAPP biz ก็อยากแนะนำว่า การขายสินค้าตามเทรนด์สินค้า 2023 ที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีและความหลากหลายนี้ ควรจะมีทั้งหน้าร้านและออนไลน์ค่ะ เริ่มแรกอาจจะเปิดหน้าร้านเพื่อสำรวจลูกค้า สร้างตัวตนและความน่าเชื่อถือให้กับร้านของเราก่อน จากนั้น ก็ทยอยเปิดร้านขายของออนไลน์ควบคู่กันไปด้วย เพื่อที่จะกระจายฐานลูกค้าให้มากขึ้น ร้านของเราจะได้ขายได้สองช่องทาง เพิ่มรายได้แม้จะไม่ได้ไปตั้งร้านก็ตาม เหมาะกับเทรนด์สินค้า 2023 มากเลยค่ะ
สิ่งที่ต้องมี ก่อนเปิดร้านขายของหรือขายของออนไลน์ มือใหม่ควรเตรียมอะไรบ้าง?
ไม่ว่าจะเปิดร้านขายของหรือขายของออนไลน์ จะเลือกสินค้าไหนในเทรนด์สินค้า 2023 นี้ ก็ต้องมีการเตรียมพร้อมก่อนเปิดร้านนะคะ เพราะการวางแผนที่ดีเป็นพื้นฐานความสำเร็จของทุกธุรกิจ หากเรารุดหน้าโดยไม่คำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจจะกระทบต่อเรา ก็อาจจะเสี่ยงล้มเหลวได้เช่นกันค่ะ
-
-
ต้นทุนและเงินทุนสำรองเพื่อการหมุนเวียน
-
ก่อนที่จะเริ่มต้นทำอะไรสักอย่าง เราก็ต้องมีการวางแผนทางการเงินให้ดีค่ะ เพราะทุกอย่างมีต้นทุน การเปิดร้านขายของจะต้องคำนึงถึงค่าเช่า ค่าเดินทางขนของ หากขายของออนไลน์ก็ต้องคำนึงถึงค่าโฆษณาและค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดต่าง ๆ ที่จะต้องจ่าย ซึ่งต้องใช้ในปริมาณหนึ่ง ทั้งยังควรมีเงินทุนสำรองเผื่อหมุนเวียนในยามที่ต้นทุนไม่เพียงพอด้วยค่ะ จะให้ดีควรทำบัญชีรายรับรายจ่าย แบ่งเงินก้อนเอาไว้ให้เป็นสัดส่วน เวลานำมาใช้จ่ายจะได้ไม่สับสน
-
-
กลุ่มเป้าหมายที่จะกลายเป็นฐานลูกค้า
-
เมื่อรู้แล้วว่าขายของออนไลน์อะไรดี? หรือเปิดร้านขายอะไรดี? ก็ต้องทราบว่ากลุ่มเป้าหมายของเรานั้นคือใคร ปริมาณที่อาจจะขายได้ต่อวันคือเท่าไหร่ ราคาขายถูกแพงแค่ไหน สินค้าของเรามีจุดเด่นอย่างไร ต้องขายแบบไหนถึงจะได้ใจลูกค้า วิเคราะห์ตามกระแสของตลาด
รู้ไว้ไม่เสียหาย : เทรนด์สินค้า 2023 ต้องมีเอกลักษณ์ ราคาดี แม้ว่าจะเปิดร้านขายของ แต่สินค้ามีขายอยู่บนร้านออนไลน์หลายร้านที่เป็นแบบเดียวกัน ลูกค้าก็อาจจะไปซื้อร้านออนไลน์มากกว่าหากราคาถูกกว่ามาก แต่ถ้าเราขายราคาเท่า ๆ กัน หรือถูกกว่าร้านที่ขายออนไลน์ ลูกค้าก็มีโอกาสจะซื้อของเรามากกว่า เพราะของอยู่ตรงหน้า จับต้องได้ ตรวจสอบได้ เลือกได้
-
-
ขั้นตอนการทำงานอย่างครอบคลุม
-
การขายของไม่ว่าจะเปิดร้านขายของหรือขายของออนไลน์ก็ย่อมมีความรับผิดชอบที่ต้องแบกรับ แม้จะมีรายได้สูงกว่าการทำงานกินเงินเดือน เป็นนายของตัวเอง แต่ทุกธุรกิจต้องการระบบของตัวเองค่ะ ในทุก ๆ ขั้นตอนจะมีกำหนดเวลาและกระบวนการที่ต้องหมุนเวียน ดังนั้น ห้ามมองข้ามขั้นตอนการทำงานที่เป็นระเบียบและชัดเจนของตัวเองเด็ดขาด – หรือลองใช้ระบบรวบรวมออเดอร์ของ GAPP biz เพื่อการจัดการขั้นตอนการขายแบบไม่มีตกหล่นก็ได้!
-
-
การดูแลจัดการสินค้าอย่างเป็นระบบ
-
การขายของออนไลน์หรือการเปิดร้านขายของย่อมต้องมีสต๊อกสินค้าเป็นของตัวเองค่ะ เพราะเราจะต้องมีสินค้าอยู่ในมือก่อนที่จะไปขายสินค้าได้ (ยังไม่รับพ่อค้าแม่ค้าที่เป็นเพียงตัวแทนการขายนะคะ) การจัดสต๊อกสินค้าที่เป็นระบบระเบียบจึงเป็นสิ่งสำคัญในการบริหารสินค้า ไม่ว่าจะเป็นการสั่งซื้อเข้ามา หรือการส่งออก ยอดขายที่ควรจะเป็น การตรวจสอบสินค้าค้างสต๊อก พ่อค้าแม่ค้ามือใหม่อาจจะทำบัญชีสต๊อกสินค้าเป็นเล่ม หรือง่ายกว่าอย่างแอฟพลิเคชั่นหรือเครื่องมือจัดสต๊อกสินค้า เพื่อดูแลสินค้าให้เป็นระบบ ช่วยประมวลผลการขาย ยอดสั่งซื้อ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับแผนการขาย
อยากจัดสต๊อกสินค้า ทำยังไงดี?
-
-
แผนการตลาดที่ดีเยี่ยม
-
การโปรโมทสินค้าเป็นเรื่องที่ห้ามพลาด! ไม่ว่าจะขายของออนไลน์หรือเปิดร้านขายของ เราก็ต้องมีแผนการตลาดเพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาสนใจสินค้าของเราค่ะ โลกนี้คือการแข่งขัน ใครดีใครได้! แต่อย่าได้กลัวไปค่ะ ปัจจุบัน เทคโนโลยีทางการตลาดมีเครื่องมือมากมายที่จะช่วยให้เรานำเสนอสินค้าให้ลูกค้าได้เร็วขึ้น อย่างการยิงโฆษณาบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่คนนิยมกัน หรือจะเป็นเว็บขายสินค้าที่สร้างเองได้ของ GAPP biz หรือ Sale Page เพื่อการนำเสนอโปรโมชั่นให้กับลูกค้าได้ทุกเมื่อ พร้อมปุ่มสั่งซื้อและชำระเงิน หรือเครื่องสร้างแคตตาล็อกออนไลน์แบบสำเร็จรุปสำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่มีสินค้าหลายประเภท แถมด้วยระบบ Affiliate Links เพื่อกระจายการเข้าถึงลูกค้าผ่านคนดังบนโซเชียลแบบไม่ต้องเปลืองแรง! ยอดขายไม่ปังให้มันรู้ไปค่ะ
สรุป
ได้ว่า จะขายของออนไลน์หรือเปิดร้านขายของ ในเทรนด์สินค้า 2023 ล้วนต้องมีกลยุทธ์ที่สำคัญในการขายสินค้านะคะ ตั้งแต่เครื่องมือที่จะช่วยให้ซื้อง่ายขายคล่อง แผนการเงิน การตลาด และการขายที่ครอบคลุม ไม่ว่าจะเทรนด์สินค้า 2023 หรือเทรนด์สินค้าอะไรก็ตาม พ่อค้าแม่ค้ามือใหม่จะต้องมียอดขายดี ๆ ได้แน่นอนค่ะ GAPP biz เป็นกำลังใจ ❤