ไตรมาสใหม่เริ่มแล้ว! เทรนด์สินค้า 2023 มีอะไรน่าขายบ้าง?

สามเดือนที่ผ่านมา มีสินค้าฮอตฮิตหลายตัวผุดขึ้นมาเยอะมาก ๆ เลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าผ้าใบ New Balance รุ่นดังสายเกา หรือจะเป็นแนวแฟชั่นแบบ Y2K ที่ยังกระแสดีไม่มีตก หรือจะเป็นกระแสหม่าด่าสายพานที่ต้องไปกินกันทั่วบ้านทั่วเมือง ทำให้พ่อค้าแม่ค้ามือใหม่ต้องรีบตามเทรนด์กันแบบไฟลุก! วันนี้ GAPP biz เลยจะมาแนะนำเทรนด์สินค้า 2023 ที่มีแนวโน้มจะขายดี ทั้งแบบออนไลน์และเปิดร้าน มาให้พ่อค้าแม่ค้าที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะขายของออนไลน์อะไรดี? สินค้าอะไรกำลังเป็นกระแส? เปิดร้านขายอะไรดี? เอามาขายหน้าร้านดีไหม? มาดูกัน!

การตรวจสอบดูว่าเทรนด์สินค้าแต่ละปี มีแนวโน้มยังไงบ้าง มีด้วยกันหลายวิธีมาก ๆ เลยค่ะ เริ่มต้นจากการติดตามช่องทางสื่อสังคมออนไลน์บ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, Twitter โดยจะต้องสังเกตให้ดีว่าเรื่องหรือสินค้าที่ได้รับความนิยมนั้นมีอะไรบ้าง หรือจะเป็นกลุ่มคอมมูนิตี้ต่าง ๆ ในแต่ละแพลตฟอร์มที่จะมีความสนใจเฉพาะด้าน สำหรับคนที่อยากขายสินค้าแบบเฉพาะกลุ่มหน่อย

นอกจากนี้ ยังสามารถใช้เครื่องมือตรวจสอบกระแสความนิยมต่าง ๆ บนโลกอินเทอร์เน็ตอย่าง Google Trends, Ubersuggest เพื่อหาเทรนด์สินค้า 2022 หรือเทรนด์สินค้า 2023 แล้วนำมาประยุกต์ใช้ หรือเว็บขายสินค้าอย่าง Facebook Marketpalce เพื่อค้นหาว่าสินค้าตัวไหนขายดีที่สุดในช่วงนี้ก็ได้เช่นกันค่ะ สิ่งสำคัญคือต้องติดตามความเคลื่อนไหวในโลกโซเชียลให้มาก ๆ รับรองไม่ตกเทรนด์สินค้า 2023 นี้แน่นอน!

รวม 7 เทรนด์สินค้า 2023 ที่มีแนวโน้มขายดีทั้งแบบออนไลน์และเปิดหน้าร้าน!

มาถึงตรงนี้แล้ว ทุกคนคงอยากจะทราบว่าแล้วเทรนด์สินค้า 2023 ตัวไหนที่น่าจะขายดีบ้าง? แต่ก่อนอื่น GAPP biz อยากจะแนะนำว่า เทรนด์สินค้า 2023 แต่ละตัวอาจจะมีรายละเอียดยิบย่อยที่แตกต่างกันไป ทั้งประเภทสินค้า ยี่ห้อ ภาพลักษณ์ ดังนั้น ก่อนจะตัดสินใจก็ต้องศึกษาให้ดีก่อนว่าสินค้าแต่ละแบบมีเงื่อนไขอะไรที่คำนึงบ้างด้วยนะคะ!

1. เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย ของมันต้องมี! 

ไม่ว่าจะช่วงไหนของปี เสื้อผ้าก็เป็นสินค้ายอดนิยมติดลมบนอย่างต่อเนื่อง และต้องเป็นเทรนด์สินค้า 2023 ฟันธงเลยค่ะ! เพราะนอกจากเสื้อผ้าจะเป็นปัจจัย 4 ของคนเราแล้ว ยังมีเรื่องของแฟชั่นแบบต่าง ๆ ที่ทยอยสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด อย่างเทรนด์สินค้า 2023 ประเภทเสื้อผ้าในไตรมาสนี้ จะต้องเป็นแนว Y2K หรือ Streetwear ซึ่งได้รับความนิยมในช่วงปีค.ศ. 2000 หรือถ้าเจาะลึกลงไปหน่อย ก็จะเป็นเสื้อจำพวกเสื้อเอวลอย กางเกงเอวต่ำ เสื้อโอเวอร์ไซต์ กางเกงยีนส์  หรือจะเสื้อลายดอกแบบ Floral Print กลายร่างเป็นนางฟ้านางใจ บอกเลยว่าปังเว่อ! ขายได้ทั้งออนไลน์และเปิดหน้าร้าน ขอแค่มีสไตล์ก็เพียงพอ!

2. เครื่องสำอาง สกินแคร์บำรุงผิว

ใคร ๆ ก็หันมาสนใจการดูแลผิวกันแล้วค่ะ เพราะฉะนั้น เทรนด์สินค้า 2023 นี้ จะต้องมีสกินแคร์หรือเครื่องสำอางอยู่ในลิสต์แน่นอน! ตั้งแต่ตัวเบสของการดูแลผิวอย่างมอยซ์เจอไรเซอร์ กันแดด คลีนซิ่ง หรือจะเป็นเครื่องสำอางอย่างลิปสติก บลัช รองพื้น คุชชั่น ขนมาให้หมดค่ะ ในกรณีที่ทำแบรนด์ของตัวเอง สิ่งสำคัญคือต้องขายของให้เป็น น่าเชื่อถือ มีที่มาที่ไป ทำไมถึงได้ผลลัพธ์ดี เจ๋งกว่าแบรนด์อื่นยังไง? แต่ถ้าไม่อยากคิดมาก ก็อาจจะผันตัวมาขายเครื่องสำอางหรือสกินแคร์แบรนด์ใหญ่ ๆ อาจจะสต๊อกสินค้าหรือนำเข้าเป็นพรีออเดอร์ก็ได้ ซึ่งอย่างหลังจะขายได้ค่อนข้างง่ายกว่า เพราะแบรนด์ใหญ่ ๆ มีความน่าเชื่อถืออยู่แล้ว หากจะเปิดหน้าร้านขายสกินแคร์หรือเครื่องสำอางก็ย่อมได้เช่นกัน และจะยิ่งดีมาก ๆ เลยค่ะ เพราะลูกค้าจะได้เห็นว่าสินค้าจริงเป็นแบบไหน เช่น สีเข้ากับผิวหรือเปล่า? เนื้อครีมเป็นยังไง? เป็นต้น

3. ของ DIY สินค้าเบ็ดเตล็ด

หลายคนคงจะงงใช่มั้ยคะว่าสินค้า DIY หรือสินค้าเบ็ดเตล็ดจะขายยังไง? จริง ๆ แล้วเป็นประเภทสินค้าที่ขายออกเยอะเป็นอันดับต้น ๆ เลยค่ะ เพราะในช่วงนี้ เยาวรุ่นทั้งหลายกำลังฮิตการไปทำ Workshop เรียนประดิษฐ์ประดอยของเล่นของใช้หรือของสะสมกันจำนวนมาก แถมแต่ละร้านก็ยังมีมุมให้ถ่ายรูปเล่น ทำให้ดูเป็นสาววุ่นวายหรือหนุ่มติสท์ รับบทคนไม่ว่างเพราะชอบหาอะไรทำตลอด จะตั้งบูท เปิดร้าน หรือขายของ DIY ของเบ็ดเตล็ดพวกข้าวของเครื่องใช้อำนวยความสะดวกออนไลน์ ก็ต้องมีคนซื้ออย่างแน่นอนค่ะ

4. อุปกรณ์ไอที โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต

หมวดเทรนด์สินค้า 2023 หมวดนี้มาแรงแซงทางโค้งสุด ๆ เลยค่ะ! เพราะเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามากขึ้น คนที่อยากมีอยากลองใช้ก็ต้องมากขึ้น ทำให้นวัตกรรมใหม่ ๆ ถูกผลิตออกมาเพื่อตอบโต้ผู้ใช้อย่างเรา ๆ กันมากมาย โดยแข่งกันที่ความล้ำและฟีเจอร์ที่หลากหลาย (ยกตัวอย่างสินค้าจำพวกมือถือ ไลน์สินค้าเยอะไม่ไหว!) ยิ่งเจ๋งมากเท่าไหร่ก็ยิ่งน่าสนใจ จะเปิดขายหน้าร้านหรือขายออนไลน์ก็ขายได้ชัวร์! สินค้าไอทีก็มีตั้งแต่หูฟัง แบตเตอรี่สำรอง แว่นสามมิติ คอมพิวเตอร์ หรือนาฬิกาสมาร์ทวอช ต้นทุนอาจจะสูงหน่อย แต่ถ้าสินค้าเจ๋งจริงก็ขายได้

5. ของกิน อาหารแช่แข็ง ขนมทานเล่น

ตั้งแต่บราวนี่ ขนมปังกระเทียม คุกกี้สุขภาพ หรือผักอบกรอบ ก็เป็นเทรนด์สินค้า 2023 ทั้งนั้นเลยค่ะ เพราะคนไทยกับของกินเป็นสิ่งที่ขาดกันไม่ได้! ถ้าบอกว่าร้านไหนอร่อยเป็นต้องไปลองซื้อลองกิน หรือจะเป็นอาหารแช่แข็งสูตรลับของตัวเองก็ย่อมได้ เพราะปัจจุบันนวัตกรรมการขนส่งมีแบบควบคุมอุณหภูมิได้แล้ว เพียงแค่มีบริการขนส่งเอาไว้ ต่อให้ซื้อยากแค่ไหน คนที่อยากกินก็จะสั่งให้ได้แน่นอนค่ะ แต่อาหารการกินบ้านเรานั้นมีหลากหลายมาก ๆ อันหมายความว่าคู่แข่งล้นหลามสุด ๆ เพราะฉะนั้น ต้องประเมินทางเลือกให้ดี ขายเมนูที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจะดีที่สุดค่ะ และต้องคำนึงถึงปัจจัยที่ควบคุมยากอย่างคุณภาพหรือต้นทุนของวัตถุดิบด้วย จะได้ไม่จมทุนในภายหลังนะคะ

6. วัตถุดิบสำหรับอาหารคาวหวานต่างๆ

เริ่ดที่สุด มาแรงที่สุด ในเทรนด์สินค้า 2023 หมวดวัตถุดิบเครื่องปรุงต่าง ๆ จะต้องมีหม่าล่าอย่างแน่นอนค่ะ! เพราะไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็มีแต่ร้านหม่าล่าเปิดใหม่เต็มไปหมด หลายคนอาจจะรู้สึกว่าแค่เปิดหน้าร้านก็พอแล้ว แต่บางครั้ง คนที่อยู่ไกลจากร้านเราก็อาจจะอยากทานแต่มาไม่ได้ ก็ลองพัฒนาสินค้าเป็นชุดทำหม่าล่า หรืออาจจะเป็นก้อนซุปสูตรพิเศษ ถึงเครื่องถึงใจ ให้คนบ้านไกลได้ทานหม่าล่าของเราจากที่บ้านก็ได้ ในกรณีอื่น ๆ เช่น วัตถุดิบทำขนมปัง หรือเครื่องปรุงหายาก เครื่องปรุงนำเข้า ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจมาก ๆ เช่นกัน สินค้าบางอย่าง เช่น ขนมล่าเถียว ไส้กรอกเลือด ต๊อกบกกี หรือมันหนึบญี่ปุ่น หากไปดูยอดขายในแอปพลิเคชั่นขายสินค้า จะเห็นว่ายอดหลักพันถึงหมื่นชิ้นเลย!

7. เครื่องประดับ ของกิ๊ฟช็อป

เครื่องประดับยังเป็นสินค้าฮอตปรอทแตกทุกปีจริง ๆ ค่ะ แต่ในเทรนด์สินค้า 2023 สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็ต้องเป็นเครื่องประดับลูกปัดหรือหินมงคลอย่างแน่นอน เพราะกระแสสายมูเตลูยังคงแพร่หลายมาก ๆ การออกแบบสินค้าให้เข้ากับความนิยมในช่วงนี้ ก็มีแนวโน้มว่าต้องขายได้ไม่มากก็น้อยค่ะ ยิ่งถ้าไปเปิดร้านหรือเปิดบูทตามห้าง และขายในราคาที่สมเหตุสมผล ดูมีความเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร มีเหรอวัยรุ่น วัยทำงาน หรือแม้แต่วัยนักเรียนจะไม่อยากลองเข้ามาดูชมกันบ้าง ของจุ๊บจิ๊บแบบนี้มันต้องมีนะคะ

ขายของออนไลน์ vs เปิดร้านขายของ แบบไหนดีกว่า

ในยุคนี้ การขนส่งสินค้าและการติดต่อสื่อสารมาไกลมาก ๆ แล้วค่ะ จากเมื่อก่อนกว่าเราจะสั่งของออนไลน์มาส่งที่บ้านได้ก็ต้องใช้เวลานาน แถมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสินค้าเราอยู่ที่ไหน มาในสภาพไหน คนก็นิยมไปซื้อหน้าร้านกันมากกว่า แต่หลังจากที่โลกประสบปัญหาโควิด-19 ทำให้ความต้องการซื้อสินค้าผ่านอินเทอร์เน็ตสูงมากขึ้น การสั่งของออนไลน์จึงเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แม้จะผ่านวิกฤตนั้นมาได้ ผู้คนก็ยังคงนิยมซื้อสินค้าที่หน้าร้านอยู่ด้วย ซึ่งมีสาเหตุมาจากปัจจัยหลายอย่างค่ะ

เปรียบเทียบ ขายของออนไลน์ VS เปิดร้านขายของ อันไหนดีกว่ากัน!

ปัจจัย

ขายของออนไลน์

เปิดหน้าร้านขายของ

ค่าใช้จ่าย

  • ค่าสินค้า
  • ค่าอินเทอร์เน็ต
  • ค่ายิงโฆษณา
  • ค่าแรง (จัดการคนเดียวก็ประหยัดได้มาก)
  • ค่าขนส่ง
  • ค่าแพ็คเกจ
  • ค่าสินค้า (ต้นทุนมากกว่า)
  • ค่าเช่าที่
  • ค่าแรง (ทำคนเดียว เหนื่อยกว่า)
  • ค่าเดินทาง/ค่าขนของ
  • ค่าแพ็คเกจ
  • ค่าออกแบบตกแต่งร้าน

ความแน่นอน

โอกาสขายได้น้อยกว่า เพราะลูกค้ามีตัวเลือกเยอะ ภายใต้เงื่อนไขเดียวกัน

โอกาสขายได้แน่นอนกว่า เพราะลูกค้าได้เห็นสินค้าจริง ตัดสินใจได้ง่าย

คู่แข่งในตลาด

คู่แข่งจำนวนมากนับไม่ถ้วน เพราะเป็นสินค้าออนไลน์ มีการยิงโฆษณาและทำคอนเทนต์แข่งกันตลอดเวลา

คู่แข่งมีแค่เฉพาะพื้นที่ที่ไปตั้งร้านขายเท่านั้น ลูกค้ามีตัวเลือกเปรียบเทียบไม่มาก ตัดสินใจซื้อได้เร็ว

การเข้าถึงลูกค้า

มีกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย แต่โอกาสเข้าถึงปริมาณน้อย เพราะกว่าจะเข้าถึงได้ก็ต้องสร้างความน่าเชื่อถือและตัวตนอย่างชัดเจน รวมถึงคู่แข่งจำนวนมากที่พร้อมประชันกันในทุกโอกาส

เข้าถึงลูกค้าได้เกือบ 100% หากเลือกทำเลที่ดีพอ ไม่ว่ายังไงก็สามารถมองเห็นร้านของเราได้แน่นอน สินค้าสามารถจับต้องได้ กระตุ้นความต้องการซื้อ

อย่างไรก็ตาม พวกเราชาว GAPP biz ก็อยากแนะนำว่า การขายสินค้าตามเทรนด์สินค้า 2023 ที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีและความหลากหลายนี้ ควรจะมีทั้งหน้าร้านและออนไลน์ค่ะ เริ่มแรกอาจจะเปิดหน้าร้านเพื่อสำรวจลูกค้า สร้างตัวตนและความน่าเชื่อถือให้กับร้านของเราก่อน จากนั้น ก็ทยอยเปิดร้านขายของออนไลน์ควบคู่กันไปด้วย เพื่อที่จะกระจายฐานลูกค้าให้มากขึ้น ร้านของเราจะได้ขายได้สองช่องทาง เพิ่มรายได้แม้จะไม่ได้ไปตั้งร้านก็ตาม เหมาะกับเทรนด์สินค้า 2023 มากเลยค่ะ

สิ่งที่ต้องมี ก่อนเปิดร้านขายของหรือขายของออนไลน์ มือใหม่ควรเตรียมอะไรบ้าง?

ไม่ว่าจะเปิดร้านขายของหรือขายของออนไลน์ จะเลือกสินค้าไหนในเทรนด์สินค้า 2023 นี้ ก็ต้องมีการเตรียมพร้อมก่อนเปิดร้านนะคะ เพราะการวางแผนที่ดีเป็นพื้นฐานความสำเร็จของทุกธุรกิจ หากเรารุดหน้าโดยไม่คำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจจะกระทบต่อเรา ก็อาจจะเสี่ยงล้มเหลวได้เช่นกันค่ะ

    • ต้นทุนและเงินทุนสำรองเพื่อการหมุนเวียน  

ก่อนที่จะเริ่มต้นทำอะไรสักอย่าง เราก็ต้องมีการวางแผนทางการเงินให้ดีค่ะ เพราะทุกอย่างมีต้นทุน การเปิดร้านขายของจะต้องคำนึงถึงค่าเช่า ค่าเดินทางขนของ หากขายของออนไลน์ก็ต้องคำนึงถึงค่าโฆษณาและค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดต่าง ๆ ที่จะต้องจ่าย ซึ่งต้องใช้ในปริมาณหนึ่ง ทั้งยังควรมีเงินทุนสำรองเผื่อหมุนเวียนในยามที่ต้นทุนไม่เพียงพอด้วยค่ะ จะให้ดีควรทำบัญชีรายรับรายจ่าย แบ่งเงินก้อนเอาไว้ให้เป็นสัดส่วน เวลานำมาใช้จ่ายจะได้ไม่สับสน

    • กลุ่มเป้าหมายที่จะกลายเป็นฐานลูกค้า

เมื่อรู้แล้วว่าขายของออนไลน์อะไรดี? หรือเปิดร้านขายอะไรดี? ก็ต้องทราบว่ากลุ่มเป้าหมายของเรานั้นคือใคร ปริมาณที่อาจจะขายได้ต่อวันคือเท่าไหร่ ราคาขายถูกแพงแค่ไหน สินค้าของเรามีจุดเด่นอย่างไร ต้องขายแบบไหนถึงจะได้ใจลูกค้า วิเคราะห์ตามกระแสของตลาด

รู้ไว้ไม่เสียหาย : เทรนด์สินค้า 2023 ต้องมีเอกลักษณ์ ราคาดี แม้ว่าจะเปิดร้านขายของ แต่สินค้ามีขายอยู่บนร้านออนไลน์หลายร้านที่เป็นแบบเดียวกัน ลูกค้าก็อาจจะไปซื้อร้านออนไลน์มากกว่าหากราคาถูกกว่ามาก แต่ถ้าเราขายราคาเท่า ๆ กัน หรือถูกกว่าร้านที่ขายออนไลน์ ลูกค้าก็มีโอกาสจะซื้อของเรามากกว่า เพราะของอยู่ตรงหน้า จับต้องได้ ตรวจสอบได้ เลือกได้

    • ขั้นตอนการทำงานอย่างครอบคลุม

การขายของไม่ว่าจะเปิดร้านขายของหรือขายของออนไลน์ก็ย่อมมีความรับผิดชอบที่ต้องแบกรับ แม้จะมีรายได้สูงกว่าการทำงานกินเงินเดือน เป็นนายของตัวเอง แต่ทุกธุรกิจต้องการระบบของตัวเองค่ะ ในทุก ๆ ขั้นตอนจะมีกำหนดเวลาและกระบวนการที่ต้องหมุนเวียน ดังนั้น ห้ามมองข้ามขั้นตอนการทำงานที่เป็นระเบียบและชัดเจนของตัวเองเด็ดขาด – หรือลองใช้ระบบรวบรวมออเดอร์ของ GAPP biz เพื่อการจัดการขั้นตอนการขายแบบไม่มีตกหล่นก็ได้!

    • การดูแลจัดการสินค้าอย่างเป็นระบบ

การขายของออนไลน์หรือการเปิดร้านขายของย่อมต้องมีสต๊อกสินค้าเป็นของตัวเองค่ะ เพราะเราจะต้องมีสินค้าอยู่ในมือก่อนที่จะไปขายสินค้าได้ (ยังไม่รับพ่อค้าแม่ค้าที่เป็นเพียงตัวแทนการขายนะคะ) การจัดสต๊อกสินค้าที่เป็นระบบระเบียบจึงเป็นสิ่งสำคัญในการบริหารสินค้า ไม่ว่าจะเป็นการสั่งซื้อเข้ามา หรือการส่งออก ยอดขายที่ควรจะเป็น การตรวจสอบสินค้าค้างสต๊อก พ่อค้าแม่ค้ามือใหม่อาจจะทำบัญชีสต๊อกสินค้าเป็นเล่ม หรือง่ายกว่าอย่างแอฟพลิเคชั่นหรือเครื่องมือจัดสต๊อกสินค้า เพื่อดูแลสินค้าให้เป็นระบบ ช่วยประมวลผลการขาย ยอดสั่งซื้อ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับแผนการขาย

อยากจัดสต๊อกสินค้า ทำยังไงดี?

    • แผนการตลาดที่ดีเยี่ยม 

การโปรโมทสินค้าเป็นเรื่องที่ห้ามพลาด! ไม่ว่าจะขายของออนไลน์หรือเปิดร้านขายของ เราก็ต้องมีแผนการตลาดเพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาสนใจสินค้าของเราค่ะ โลกนี้คือการแข่งขัน ใครดีใครได้! แต่อย่าได้กลัวไปค่ะ ปัจจุบัน เทคโนโลยีทางการตลาดมีเครื่องมือมากมายที่จะช่วยให้เรานำเสนอสินค้าให้ลูกค้าได้เร็วขึ้น อย่างการยิงโฆษณาบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่คนนิยมกัน หรือจะเป็นเว็บขายสินค้าที่สร้างเองได้ของ GAPP biz หรือ Sale Page เพื่อการนำเสนอโปรโมชั่นให้กับลูกค้าได้ทุกเมื่อ พร้อมปุ่มสั่งซื้อและชำระเงิน หรือเครื่องสร้างแคตตาล็อกออนไลน์แบบสำเร็จรุปสำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่มีสินค้าหลายประเภท แถมด้วยระบบ Affiliate Links เพื่อกระจายการเข้าถึงลูกค้าผ่านคนดังบนโซเชียลแบบไม่ต้องเปลืองแรง! ยอดขายไม่ปังให้มันรู้ไปค่ะ

สรุป

      ได้ว่า จะขายของออนไลน์หรือเปิดร้านขายของ ในเทรนด์สินค้า 2023 ล้วนต้องมีกลยุทธ์ที่สำคัญในการขายสินค้านะคะ ตั้งแต่เครื่องมือที่จะช่วยให้ซื้อง่ายขายคล่อง แผนการเงิน การตลาด และการขายที่ครอบคลุม ไม่ว่าจะเทรนด์สินค้า 2023 หรือเทรนด์สินค้าอะไรก็ตาม พ่อค้าแม่ค้ามือใหม่จะต้องมียอดขายดี ๆ ได้แน่นอนค่ะ GAPP biz เป็นกำลังใจ ❤

GAPP พาธุรกิจของคุณเข้าสู่โลกออนไลน์

พร้อมช่วยดูแลในทุกขั้นตอน ให้เราพัฒนาไปด้วยกัน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *