เดี๋ยวนี้ใคร ๆ ก็ต้องทำคอนเทนต์! เครื่องมือที่ช่วยในการออกแบบอย่าง Canva จึงได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ไม่ว่าจะใช้สร้างกราฟิกเพื่อทำการตลาดออนไลน์เป็นอาชีพ หรือทำกราฟิกไปใช้ส่วนตัวก็ได้ทั้งนั้นค่ะ แต่แล้ว Canva คืออะไรล่ะ? ทำอะไรได้? Canva มีประโยชน์ยังไง? ในบทความนี้ GAPPbiz จะพามาทำความรู้จักเครื่องมือออกแบบงานกราฟิกที่จะทำให้นักออกแบบหรือแม้แต่คนที่ทำกราฟิกไม่เป็นเดินทางสู่อีกระดับของการทำคอนเทนต์กัน
Canva คืออะไร? แพลตฟอร์มสร้างงานอาร์ตที่ต้องลอง!
Canva คือ เครื่องมือออกแบบกราฟิกอย่างง่ายที่เปิดให้ใช้งานบนเว็บไซต์แบบออนไลน์ ผู้ใช้งานสามารถใช้ Canva ในการออกแบบงานโฆษณา ทำโปสเตอร์ ทำเรซูเม่ ทำเอกสาร ใช้นำเสนองานสไลด์แบบเดียวกับ Power Point หรือแม้กระทั่งตัดต่อคลิปวิดีโอ
การใช้งาน Canva สามารถใช้ได้ทั้งบนคอมพิวเตอร์ มือถือ และแท็บเล็ต ร่วมกับอินเทอร์เน็ตเพื่อการบันทึกประวัติการแก้ไขอัตโนมัติ โดยไม่มีการเสียค่าใช้จ่าย ซึ่งในแต่ละประเภทชิ้นงาน จะมีเทมเพลตสำเร็จรูปสำหรับคนที่ไม่ต้องการออกแบบด้วยตัวเอง ก็สามารถเลือกเทมเพลตสำเร็จรูปนั้นมาแก้ไขแค่ตัวหนังสือก็ได้
เลือกอ่านตามสารบัญ
การใช้งาน Canva มีฟีเจอร์อะไรบ้าง?
โดยทั่วไป การทำกราฟิกจะต้องเริ่มตั้งแต่การออกแบบองค์ประกอบของชิ้นงาน ไม่ว่าจะเป็นตัวการ์ตูน ตัวอักษร สีต่าง ๆ ที่จะใช้ ไปจนถึงการจัดวางองค์ประกอบ นอกจากนี้ ยังต้องคอยบันทึกงานอยู่เป็นระยะ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุใด ๆ ที่อาจทำให้ชิ้นงานที่กำลังทำอยู่หายไป แต่การใช้ Canva จะทำให้ปัญหาเหล่านั้นหมดไป!
-
-
เทมเพลต (Templates)
-
สำหรับใครที่คิดไม่ออกว่าจะทำชิ้นงานออกมาเป็นภาพรวมแบบไหน Canva มีเทมเพลตสำเร็จรูปมากมายให้เลือก เช่น โพสต์สำหรับโซเชียลมีเดียต่าง ๆ นามบัตร โปสเตอร์ งานนำเสนอ หรือพอร์ตโฟลิโอ เป็นต้น
-
-
ปรับแต่งองค์ประกอบ (Elements)
-
Canva มีคลังองค์ประกอบที่ขึ้นชื่อว่าเยอะมาก! ตั้งแต่สติ๊กเกอร์ ภาพถ่าย ไอคอน เส้น หรือตัวการ์ตูน แม้ว่าบางส่วนจะต้องมีการเสียค่าใช้จ่าย แต่องค์ประกอบฟรีก็มีเยอะจนใช้ไม่หมดแล้วค่ะ แถมองค์ประกอบส่วนใหญ่ก็สามารถเปลี่ยนสีหรือใส่ฟิลเตอร์อื่น ๆ ได้ด้วย
-
-
ปรับแต่งภาพ (Photo Editing)
-
นอกจากการปรับแต่งองค์ประกอบ Canva ยังมีฟีเจอร์ในการปรับแต่งรูปภาพได้ด้วยค่ะ ทั้งการเกรดสี การปรับคอนทราสต์ การเพิ่ม-ลดไฮท์ไลต์ การลบพื้นหลัง งาน Collage ใส่กรอบ ลายน้ำ หรือแม้แต่การใส่ฟิลเตอร์ภาพเก๋ ๆ ก็มี
-
-
ปรับแต่งวิดีโอ (Video Editing)
-
เดิมที วิดีโอฟรีใน Canva มีให้เลือกเยอะมาก ๆ อยู่แล้ว แต่หากอยากปรับแต่งวิดีโอของตัวเองก็ย่อมได้ค่ะ สามารถปรับขนาดวิดีโอ แปลงไฟล์ ลบ-เพิ่มเสียง ใส่ Transition หรือเอฟเฟกต์เสียง ปรับความคมชัดและสี เป็นต้น
-
-
ทำงานเป็นกลุ่ม (Collaboration)
-
ฟีเจอร์นี้ทำงานคล้ายกับการทำงานบน Google Doc เลยค่ะ คือสามารถเชื่อมต่อหรือสร้างกลุ่มทำงานร่วมกับผู้ใช้คนอื่น ๆ ได้ เพียงแค่กดแชร์ชิ้นงานเท่านั้น เราสามารถให้เพื่อน ๆ เข้ามาปรับแต่งชิ้นงานพร้อมกันได้แบบ Real Time ไม่ต้องเซฟไฟล์งานส่งกันไปมาให้เสียเวลา
-
-
สร้างแบรนด์ (Brand Kit)
-
Canva มีฟีเจอร์เครื่องมือสร้างแบรนด์ที่เราสามารถเพิ่มโลโก้แบรนด์ ฟอนต์ สี ภาพและการปรับแต่งกราฟิกต่าง ๆ เก็บไว้ในคลังส่วนตัว แชร์ร่วมกับทีมงานได้
-
-
ฟอนต์ (Fonts)
-
ขาดไม่ได้เลยกับการใส่ตัวอักษรลงไปในชิ้นงาน Canva มีให้เลือกรูปแบบตัวอักษรมากมาย รวมไปถึงการใส่เอฟเฟกต์ ข้อความโค้ง แบน ตัวหนา ตัวเอียง ไล่สี ใส่การเคลื่อนไหวแบบอนิเมชั่น หรือกรอบข้อความ
-
-
งานนำเสนอ (Presentation)
-
เป็นฟีเจอร์สุดฮิตของเด็ก ๆ ที่กำลังเรียนอยู่เลยค่ะ เพราะ Canva มีทั้งงานนำเสนอแบบสำเร็จรูปและออกแบบเองได้ ใช้งานง่าย สามารถนำเสนอผ่านหน้าเว็บของ Canva ได้โดยไม่ต้องเซฟงานออกมา และยังนำเสนองานพร้อมบันทึกการนำเสนอไปพร้อม ๆ กันได้ด้วย
นอกจากนี้ Canva ยังโดดเด่นในเรื่องของการรองรับไฟล์หลากหลายประเภท ตั้งแต่ JPEG, PNG, MP4, GIF หรือจะเป็นไฟล์ที่คนทั่วไปไม่ค่อยใช้งานมากนักอย่าง HEIC, WEBP, SVG เป็นต้น ซึ่งทำให้สะดวกต่อการทำงานที่มีไฟล์ต่างกัน หากต้องการศึกษาฟีเจอร์และรายละเอียดการใช้งานเบื้องต้น สามารถศึกษาจากคลิปสอนใช้งานจาก Canva โดยตรงได้ ที่นี่ เลยค่ะ
จุดเด่นของ Canva ทำไมคนใช้เยอะ?
หลังจากรู้กันคร่าว ๆ แล้วว่า Canva คืออะไร? ก็คงจะสงสัยกันใช่มั้ยคะว่าเครื่องมือออกแบบตัวนี้มีจุดเด่นตรงไหน ทำไมคนถึงนิยมใช้งานกันเยอะมาก ตั้งแต่วัยเรียนยันวัยทำงาน งานเล็กยันงานใหญ่ GAPPbiz จะสรุปจุดเด่นของ Canva ที่ไม่เหมือนใครให้ดูอย่างง่าย ๆ กันค่ะ
-
- ใช้งานง่ายมากกกก! แถมใช้งานได้ฟรีอีกด้วย ด้วยคอนเซปการทำงานแบบลากและวาง (Drag and Drop) ต่อให้ไม่มีประสบการณ์หรือความสามารถใด ๆ ในการออกแบบ ก็สามารถใช้งานได้ เพียงแค่เลือกองค์ประกอบที่ชอบ แล้วนำมาจัดวางในตำแหน่งที่ใช่!
- องค์ประกอบและเทมเพลตฟรีกว่า 250,000 แบบ ที่สามารถเลือกใช้ได้ตามต้องการ พร้อมครอบคลุมทุกประเภทชิ้นงานตั้งแต่โพสต์โซเชียลขำ ๆ ไปจนถึงพอร์ตโฟลิโอสมัครงาน จะงานราษฎร์งานหลวงก็พร้อมสุด ๆ
- ตัวเลือกการปรับแต่งชิ้นงานที่เยอะตาแตก! ตั้งแต่ตัวอักษร สี เลย์เอาต์ของชิ้นงาน ภาพนิ่งหรือวิดีโอก็ทำได้
- การทำงานเป็นทีมที่ง่ายเหมือนใช้เครื่องเดียวกัน ไม่ต้องคอยบันทึกแล้วส่งต่อไฟล์ไปมาเหมือนตอนใช้โปรแกรมออฟไลน์ สามารถปรับแต่งชิ้นงานของทีมได้ในเวลาเดียวกัน หน้าเดียวกัน แบบวิต่อวิ!
- ไม่ต้องใช้อุปกรณ์อะไรมากมาย เพียงแค่มีมือถือ คอมพิวเตอร์ หรือแท็บเล็ต กับอินเทอร์เน็ต ก็สามารถใช้งานได้ ในทุกที่ทุกเวลา
สมาชิก Canva ราคาเท่าไหร่? แบบไหนถึงคุ้ม
Canva Free |
Canva Pro |
Canva for Teams |
ไม่เสียค่าใช้จ่าย |
1,850 บาท/ปี/ 1 คน |
2,990 บาท/ปี/5 คนแรก |
ใช้งานเทมเพลตพรีเมียมไม่ได้ แต่ก็มีเทมเพลตฟรีให้ใช้กว่า 250,000 แบบ |
ใช้เทมเพลตพรีเมียมได้ไม่จำกัด |
ใช้เทมเพลตพรีเมียมได้ไม่จำกัด |
ทำงานแบบกลุ่มได้ |
ทำงานแบบกลุ่มได้ แชร์ลิงก์สำหรับทีมได้ |
ทำงานแบบกลุ่มได้ แชร์ลิงก์สำหรับทีมได้ |
ที่เก็บข้อมูลในคลาวด์ของ Canva ปริมาณ 5GB |
ที่เก็บข้อมูลในคลาวด์ของ Canva ปริมาณ 1TB |
ที่เก็บข้อมูลในคลาวด์ของ Canva ปริมาณ 1TB |
ไม่มี Brand Kit |
มี Brand Kit (100) |
มี Brand Kit (300) |
นอกจากแพ็กเกจข้างต้น Canva ยังเปิดให้ใช้งานสำหรับสมาชิกเพื่อการศึกษา (Canva for Education) เหมาะสำหรับสมาชิกที่เป็นผู้สอน ครู อาจารย์ สามาถปรับแต่งแผนการสอนและสื่อสำหรับการสอนอื่น ๆ ฟรี 100% แต่จะจำกัดเฉพาะสถานศึกษาที่มีสิทธิ์ใช้งานเท่านั้น และยังมีสมาชิกแบบไม่แสวงหาผลกำไร (Canva for Nonprofits) ที่ทำขึ้นเพื่อให้องค์กรไม่แสวงหากำไรที่เข้าข่ายเกณฑ์ของ Canva กว่า 90 ประเทศทั่วโลกอีกด้วยค่ะ
Canva เหมาะกับใครบ้าง? ทำกราฟิกไม่เป็นใช้ได้หรือเปล่า?
อย่างที่ได้บอกไปเบื้องต้นแล้วว่าการใช้งาน Canva ไม่จำเป็นต้องทำกราฟิกเป็น เพราะเจ้าเครื่องมือออกแบบนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้บุคคลทั่วไปใช้งานได้อย่างง่าย ๆ ไม่ต้องยุ่งยาก เพียงแค่เลือกและวางเท่านั้น แต่ด้วยความที่ Canva ถูกออกแบบมาเพื่อทำกราฟิกอย่างง่าย เครื่องมืออื่น ๆ ที่มีความซับซ้อนอย่าง เครื่องมือ Path บน Photoshop หรือเครื่องมือ 3D ของ Illustrator ซึ่งเป็นเพียงหนึ่งในเครื่องมือพื้นฐานในการตัดต่อภาพก็จะไม่มีให้ใช้บน Canva
ดังนั้น Canva จึงเหมาะกับบุคคลทั่วไปที่ต้องใช้งานแบบไม่ซับซ้อน อย่างการทำภาพประกอบสินค้า งานนำเสนอในชั้นเรียน หรือแต่งภาพและวิดีโอนิด ๆ หน่อย ๆ หรือถ้าคุณเป็นเจ้าของธุรกิจน้องใหม่ที่ยังไม่มีงบประมาณจ้างนักออกแบบมากพอ ก็สามารถใช้ Canva เป็นตัวช่วยในการทำกราฟิกได้เลยค่ะ ไม่ว่าจะทำภาพโปรโมทสินค้า ภาพคอนเทนต์ใด ๆ หรือทำแคตตาล็อกออนไลน์ที่เหมาะกับการขายของออนไลน์มาก ก็ทำได้ง่าย ๆ เลย!
ทำแคตตาล็อกออนไลน์ ขี้เกียจใส่สินค้าทีละชิ้น ใช้อย่างอื่นได้ไหม?
สำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์มือใหม่ ที่อยากมีแคตตาล็อกสินค้าเป็นของตัวเอง ไม่อยากคิดไอเดียการจัดวางแคตตาล็อกเอง ถ้าใช้ Canva ก็ต้องมานั่งจัดวางองค์ประกอบสินค้าทีละชิ้น สามารถใช้เครื่องมือสร้างแคตตาล็อกออนไลน์สำเร็จรูปได้ค่ะ ซึ่งก็มีให้เลือกหลายเจ้ามาก แม้จะต้องมานั่งกรอกสินค้าเหมือนกัน แต่เครื่องสร้างแคตตาล็อกออนไลน์จะสามารถบันทึกข้อมูลสินค้าตั้งแต่รูปภาพยันเลข SKU การสร้างแคตตาล็อกออนไลน์กับ GAPPbiz คุณเพียงแค่เลือกเทมเพลต ตั้งค่าอีกนิดหน่อย และจิ้มสินค้าที่ต้องการเพิ่มเข้าไปในแคตตาล็อก ระบบจะทำการจัดวางแคตตาล็อกให้ โดยไม่ต้องมานั่งพิมพ์รายละเอียดสินค้าใหม่ พร้อมแชร์ พร้อมขาย จบในที่เดียว!
สรุป
หลังจากได้ทำความรู้จักกันแล้วว่า Canva คืออะไร ก็คงจะทราบวิธีการใช้งานและฟีเจอร์พื้นฐานกันแล้ว จะเห็นว่ามันเหมาะกับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่กำลังมองหาตัวช่วยในการออกแบบเพื่อทำการตลาด เช่น การทำโปสเตอร์ เว็บขายสินค้า แตฟีเจอร์บางอย่างก็อาจจะมีข้อจำกัด อย่างการทำแคตตาล็อกออนไลน์ ก็ต้องมีการเพิ่มข้อมูลหรือใช้ฟีเจอร์ที่ Canva ไม่ได้รองรับการทำงานเฉพาะทาง และอาจต้องนั่งออกแบบเพิ่มเองด้วย แต่หากใครที่กำลังมองหาเครื่องมือสร้างแคตตาล็อกออนไลน์แบบง่าย ๆ GAPPbiz ช่วยได้นะคะ 🙂